BitcoinในมุมมองนักลงทุนดังในสงครามBlockchain

0 views
0%

BitcoinในมุมมองนักลงทุนดังในสงครามBlockchain

BitcoinในมุมมองนักลงทุนดังในสงครามBlockchain สงคราม Blockchain ศึกนี้ยังอีกยาวไกล บล็อกเชน เทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงมากมายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากจุดกำเนิดจาก Bitcoin เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ไปสู่เหรียญคริปโทเคอร์เรนซี พัฒนาต่อไปสู่โลกของ Decentralize Finance และ NFT มาถึงปัจจุบันที่มีการประกาศตัวของบล็อกเชนใหม่ๆ หลายเจ้า ที่เข้าสู่ตลาดมาท้าสู้เจ้าตลาดอย่าง Ethereum ที่เป็นต้นกำเนิดของ Smart Contract กลไกอัจฉริยะที่พัฒนามาเป็น Application อันหลากหลายในปัจจุบัน วันนี้เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังถึง Blockchain แต่ละยี่ห้อกันครับ บล็อกเชนไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซี แต่คริปโทเคอร์เรนซีจะต้องอยู่บนบล็อกเชน อธิบายง่ายๆ ก็คือ บล็อกเชน เหมือนเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเก็บข้อมูลแบบพิเศษ ที่ทำให้ไม่มีใครเข้าไปเปลี่ยนแปลงได้ และคุณสมบัติพิเศษนี้ทำให้เราสามารถเก็บและโอนมูลค่ากันได้แบบออนไลน์ เมื่อมีการโอนคริปโทเคอร์เรนซีจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง เทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้เรามั่นใจได้ว่ามูลค่านั้นถูกส่งต่อ และไม่สามารถทำซ้ำได้ Bitcoin เป็นคริปโทเคอร์เรนซีตัวแรกของโลก ซึ่งก็คือต้นกำเนิดของเทคโนโลยีบล็อกเชนนั่นเอง เป็นเหมือนประตูบานแรกที่ทำให้คนรู้จักและเชื่อในเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สามารถทำในสิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อนในโลกของคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต นั่นก็คือการเก็บและโอนถ่ายมูลค่าได้จริง บิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียว คือการเป็นเงินดิจิทัลสำหรับโลก และกับการพิสูจน์ตัวเองมากกว่า 12 ปี ซึ่งถึงแม้เทคโทคโนโลยีบล็อกเชนได้มีการพัฒนาไปมากมาย แต่ปัจจุบัน Bitcoin ยังคงเป็นเหรียญอันดับหนึ่งของโลก ที่กลายเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนสำหรับองค์กรระดับโลกไปแล้ว Ethereum คือการพัฒนาอันยิ่งใหญ่ต่อยอดบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถสร้าง Decentralized Application (DAPPs) หรือการพัฒนาแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนที่ต่อยอดให้เกิดการใช้งานอันหลากหลายมากขึ้นทั่วโลกผ่านสิ่งที่เรียกว่า Smart Contract กลไกอัจฉริยะที่เมื่อเขียนเสร็จแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้เกิดตวามน่าเชื่อถือและถูกนำไปสร้าง DAPPs ทางด้านการเงินอันหลากหลายที่เรียกว่า Decentralized Finance ซึ่งกำลังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะปฏิวัติทางการเงินทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ที่ธนาคารหลักๆ ได้เริ่มปรับตัวกันแล้ว ยังไม่รวมถึง NFT ที่กำลังปฏิวัติวงการศิลปะกันไปทั่วโลก การเติบโตของ Defi สามารถดูได้จากคริปโทเคอร์เรนซีที่ถูกล็อกไว้เพื่อนำมาค้ำประกัน ซึ่งจากในวันที่ 3 มกราคม 2563 มีจำนวนเพียง 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ล่าสุด (7 ตุลาคม 2564) จำนวนได้เพิ่มไปถึง 92,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลจาก https://defipulse.com/) ด้วยจำนวนเงินมหาศาลที่เข้ามาอยู่ในระบบ DeFi และเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้เกิดการแข่งขันในการสร้างทั้ง DAPPs ด้าน DeFi และรวมไปถึง Infrastructure สำคัญที่เรียกว่าบล็อกเชนด้วยเช่นกัน เพื่อหวังจะมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจาก Ethereum บล็อกเชนด้าน SmartContract อันดับหนึ่งของโลก Ethereum Killers จากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Ethereum ทำให้เกิดจุดอ่อนสำคัญของ Ethereum Network ซึ่งก็คือปัญหาของการขยายตัวไม่ทัน (Scalability) และปัญหาค่าธรรมเนียม (Transaction Gas Fee) ที่ค่อนข้างสูง ถึงแม้จะมีการพัฒนาตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ทันใจ ทำให้เกิดช่องว่างให้นักพัฒนาเริ่มออกแบบและพัฒนา Blockchain ของตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ซึ่งบล็อกเชนชื่อดังหลายๆ ตัวที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมานั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ก็ล้วนเป็นทีมนักพัฒนากลุ่มแรกหรือ Founder Member ของ Ethereum นั่นเอง ที่ได้แยกตัวออกมาสร้าง Blockchain ของตัวเอง เช่น Polkadot บล็อกเชน ที่ถูกสร้างโดย Dr Gavin Wood ผู้คิดค้น Solidity programming language ที่ใช้เขียน SmartContract นั่นเอง Cardano บล็อกเชน ที่ถูกสร้างโดย Charles Hoskinson อีกหนึ่ง Founder สำคัญของ Ethereum บล็อกเชนอีกตัวที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Binance Smart Chain ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยีของ Ethereum และพัฒนาจาก Community ที่แข็งแกร่งจาก Exchange หรือศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เกิดการใช้งานอย่างสูงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในเมืองไทย ก็ได้มีการสร้าง Blockchain ขึ้นมาเช่นกัน โดยที่ได้มีการประกาศตัวไปแล้ว ก็คือ Kub Chain ของทาง Bitkub และ X-Chain ของทางกลุ่มเจมาร์ทและ Thailand Blockchain Working Group (TBWG) ซึ่งทั้ง 5 ตัวมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคืออยากจะเป็นทางเลือกของผู้ใช้งาน DAPPs ซึ่งมีเป้าหมายและจุดประสงค์ต่างกันไป เราไปทำความรู้จักทั้ง 5 ตัวกันครับ Polkadot (Dot) เป็นบล็อกเชน ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย Dr Gavin Wood ซึ่งถือเป็นทีมผู้ก่อตั้ง Founder Member แถมยังดำรงตำแหน่ง Chief Technology Officer (CTO) ดังนั้น การออกแบบของ Polkadot จึงเป็นการแก้ปัญหาโดยตรงของ Ethereum โดยเฉพาะ Polkadot เป็น Blockchain ที่ถูกเรียกว่า ‘Heterogenous Sharded Blockchain ‘ หรืออีกนัยนึงคือเป็น Blockchain ที่สามารถติดต่อกับ Blockchain อื่นได้ไม่สิ้นสุด ซึ่งแก้ปัญหาด้าน Scalability รวมถึงมีการแก้ปัญหาเรื่องการใช้พลังงานจากการขุดสูง (Proof of Work) เป็นแบบการ Stake แทน (Proof of Stake) ซึ่งหลังจากเปิดตัว ก็ได้มี DAPP เข้ามาใช้งานเป็นจำนวนมาก ถือเป็นผู้ท้าชิงสำคัญอีก Platform ที่จะมาแทน Ethereum Cadano (ADA) อีกหนึ่งบล็อกเชนที่ถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ร่วมก่อตั้งของ Ethereum Network ที่ชื่อว่า Charles Hoskinson ซึ่ง Cardano นั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถประมวลผลและรองรับการทำธุรกรรมได้มากกว่า รวดเร็วกว่า และค่าธรรมเนียมถูกกว่า Ethereum จึงเป็นอีกหนึ่ง Platform ที่ถูกคาดหวังที่จะมาแทน Ethereum ด้วยความสามารถของอัลกอริธึม Ouroboros ของนักพัฒนาจาก IOHK Foundation ที่ก่อตั้งโดย Charles ซึ่งเชื่อว่า Cardano จะเป็น Blockchain ยุคที่ 3 ต่อจาก Bitcoin และ Ethereum ที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Function การใช้ Smart Contract ของ Cadano ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ Cadano ยังต้องพิจารณาและพิสูจน์อีกสักระยะ ถึงการเป็น Platform ที่จะมาแทน Ethereum ได้จริงๆ Binance Smart Chain (BSC) อีกหนึ่งบล็อกเชนที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะสร้างอยู่บนเครือข่ายและ Communitiy ของ Binance ศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่ง Binance Smart Chain ถูกสร้างโดยอิงจากเทคโนโลยีของ Ethereum จึงสามารถรองรับ DAPPs ที่เคยพัฒนาบนเครือข่ายของ Ethereum ได้ทันที (Ethereum Virtual Machine Compatible) แถมยังรองรับการทำงานกับคริปโท Wallet ชื่อดังอย่าง Metamask จึงทำให้ทั้งนักพัฒนาที่เคยสร้างบน Ethereum สามารถนำมาใช้งานใน BSC ได้ทันที รวมถึงผู้ใช้งานจาก Ethereum ก็สามารถมาใช้งานบน BSC ได้ทันทีเช่นกัน เพียงแค่เปลี่ยน network และใช้เหรียญ BNB เป็นค่า gas หรือค่าธรรมเนียมการใช้เครือข่ายแทน ETH ที่แพงกว่ามาก ซึ่งความสะดวกและประหยัดนี้เอง ทำให้ BSC ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีการใช้งานสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเครือข่าย Blockchain อื่นๆ Kub Chain และ X-Chain ในเมืองไทยก็เริ่มมีการตื่นตัวในเทคโนโลยีบล็อกเชนเช่นกัน มีการสร้าง Blockchain ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งที่ได้มีประกาศเปิดตัวไปก็ได้แก่ Kub Chain ของทาง Bitkub และ X-Chain ของทางกลุ่มเจมาร์ทและ Thailand Blockchain Working Group (TBWG) ซึ่งทั้งสองเชนก็ใช้เทคโนโลยีของทาง Ethereum โดยปรับให้เป็นแบบ Proof of Authority จึงสามารถรองรับทุกอย่างของทาง Ethereum คล้ายกับของทาง Binance Smart Chain โดยปัจจุบันทาง Kubchain ก็เริ่มเปิดใช้บริการ โดยมีการใช้งานหลักในส่วนของเกมส์และเหรียญ Fan Token ส่วนทาง X-Chain ก็เปิดตัวโดยเริ่มมีการใช้งานในกลุ่มของ partner ทางธุรกิจของกลุ่มเจมาร์ทและเหรียญ JFIN เป็นต้น โดยเป้าหมายของแต่ละเชนก็คือ การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนกับทางธุรกิจ ซึ่งในอนาคตเราเชื่อว่าการแข่งขันของแต่ละเชนจะเน้นไม่กี่ส่วนที่สำคัญ ก็คือ การทำงานในค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และจำนวนผู้ใช้งานที่เพียงพอต่อการเติบโต บล็อกเชนแต่ละ Platform ก็จะเหมือนแต่ละประเทศ ที่มีข้อดีและข้อเด่นแตกต่างกันไป เหมาะสมกับรูปแบบและ DAPP ที่แตกต่างกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องใหม่ๆ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้งานสูงสุด เราค่อยๆ มาดูกันครับ สงครามนี้ยังเพิ่งเริ่มต้น ตลาดยังใหญ่พอให้กับรายใหม่ๆ เสมอ มาติดตามชมกันครับ Coincurrency.guru เราคือกูรูเรื่อง cryptocurrency คริปโตเคอเรนซี่ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า crypto คริปโต ซึ่งในปัจจุบันนี้กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากจากกระแส bitcoin บิทคอยน์ ที่ทุกท่านให้การติดตาม bitcoin price กันอย่างต่อเนื่องและเกิดเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอาทิเช่น xrp dogecoin หรือ doge ltc eth หรือ ethereum ethermine Binance เป็นต้น เว็บไซต์ของเรามีการสอนการ เทรด เทรดหุ้น ผ่านแอพที่นิยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Bitkub Binance Finnomena บิทาซ่า เป็นต้น ขอแนะนำ Cookonfood เว็บไซต์ที่รวมรวม สูตรอาหาร วิธีทำอาหาร ทุกเมนู อาหาร ที่ทุกท่านชื่นชอบ สามารถทำทานเองที่บ้าน
From:
Date: กุมภาพันธ์ 12, 2022

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

50 - 1 =